Friday, 24 March 2023

ความคืบหน้าลิขสิทธิ์ บอลโลก 2022 ยังไร้วี่แววจากฟีฟ่า ภายใน 6 วันจะชี้เป็นชี้ตาย

ความก้าวหน้าลิขสิทธิ์ บอลโลก 2022 ยังไร้วี่แววจากฟีฟ่า ด้านใน 6 วันจะชี้เป็นชี้ตาย หลังผู้ว่า กกท. ติดต่อไปยังฟีฟ่า ขอลดค่าลิขสิทธิ์ลงก็ยังไร้วี่แววสำหรับเพื่อการตอบกลับและก็ยืนยันว่า ภายใน 6 วันนับตั้งแต่นี้ต่อไปจะชี้ขาดทุกเรื่อง

บอลโลก

ความก้าวหน้าการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด บอลโลก 2022 รอบสุดท้าย

ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน-18 ธันวาคมนี้ ภายหลัง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และก็กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ลงความเห็นอนุมัติเงินสนับสนุนจาก กองทุนวิจัย และก็พัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และก็กิจการโทรคมนาคม เพื่อ
ประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) ให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) เพื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ในกรอบวงเงิน600ล้านบาท จากจำนวนเต็มที่กกท.เสนอขอรับการสนับสนุนไป1,600ล้านบาท ทำให้กกท.ต้องหาภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุนอีก1,000ล้านบาทนั้น

ปัจจุบัน “บิ๊กก้อง”ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท.เปิดเผยว่าในเวลานี้ กกท.ก็ยังคอยคำตอบจากทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ผ่านทางเอเย่นต์ที่ประสานงานกันมาอยู่ซึ่งกกท. ได้ส่งอีเมล ขอลดไปอีกที ตั้งแต่วันที่11พฤศจิกายนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เพราะว่ามีความเห็นว่าราคาที่ฟีฟ่าเสนอมา ยังแพงเหลือเกิน

แต่ว่าวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 ทางเอเย่นต์ฟีฟ่า ก็ยังไม่ได้มีการตอบรับกลับมาแต่อย่างใดดังนี้ถ้ายังไม่มีการตอบรับกลับมา วันที่ 14 พฤศจิกายน ก็จะทำหนังสือส่งเข้าไปอีกครั้งเพราะว่าเวลากระชั้นเข้ามามากแล้วผู้ว่าการกกท. กล่าวต่อว่า ส่วนข่าวจะมีการใช้เงินจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 600 ล้านบาท เพื่อนำไปสมทบค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งนี้ ในเรื่องนี้ ควรต้องชะลอเอาไว้ก่อน ต้องหารือกันภายในบอร์ดกองทุนฯ และก็รอดูท่วงท่าของฟีฟ่าอีกทีด้วย ว่าจะขายลิขสิทธิ์มากแค่ไหน

ขณะเดียวกัน นอกเหนือจากเอกชน 5 รายที่ กกท. ได้ประสานงานเพื่อให้ช่วยสนับสนุนถ่ายทอดสดแล้ว ในเวลานี้ กกท. ก็ยังเดินหน้าหาผู้สนับสนุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าไม่ใช่แค่เพียงแต่ค่าลิขสิทธิ์ ที่จำต้องจ่าย ถ้าได้ถ่ายทอด ยังมีค่าภาษี การตั้งศูนย์ถ่ายทอดสด ค่ารับสัญญาณดาวเทียม ค่าใช้จ่ายสำหรับเช่าเวลาสถานี เพิ่มมาอีกด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับ แนวทางที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและก็กีฬา นำเสนอ จะขอความเห็นจากคณะรัฐมนตรี (คณะรัฐมนตรี) สำหรับเพื่อการประชุมวันที่ 15 พฤศจิกายน เพื่อยืมเงินจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ มาสมทบสำหรับเพื่อการไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 ก่อน แล้วนำเงินจากภาคเอกชนที่หามาได้หลังจากนี้ มาคืนให้กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาตินั้น เป็นแค่แนวความคิดก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

ซึ่ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ไม่เห็นด้วย ดังนั้นสำหรับเพื่อการประชุม คณะรัฐมนตรี วันที่ 15 พฤศจิกายน จะไม่มีการนำเรื่องนี้เสนอต่อห้องประชุม คณะรัฐมนตรี ส่วนความก้าวหน้าการเจรจาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก วันที่ 13 พฤศจิกายน ยังปราศจากความแจ้งชัด เพราะว่าฟีฟ่า ยังไม่ตอบกลับมาว่า จะยอมลดให้กับประเทศไทยได้มากแค่ไหน จำต้องคอยจนกระทั่งวันที่ 14 พฤศจิกายน

ดังนี้เรื่องที่เป็นห่วงอีกเรื่อง ในระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน เป็นวันหยุดในโอกาสไทยเป็นเจ้าภาพประชุมสัปดาห์
ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอีก จึงทำให้เป็นปัญหาในการปฏิบัติงาน ในตอนนี้คนที่ทุกข์ใจที่สุดคือ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ที่จะต้องรีบเคลียร์เรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ให้จบด้วยดี และก็เร็วที่สุด

ลิขสิทธิ์บอลโลก 2022

โดยวันที่ 14 พฤศจิกายน สำนักอัยการสูงสุด จะเชิญฝ่ายกฎหมายของ กกท.

ไปพูดคุยทำความเข้าใจเรื่องข้อกฎหมายทุกหัวข้อ ขณะเดียวกัน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ต้องไปเซ็นเอ็มโอยู กับ กสทช. ภายหลังที่ กสทช. อนุมัติงบประมาณจาก กองทุนกทปส. ให้ 600 ล้านบาทก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

รายงานข่าวยังระบุอีกว่า ในตอนนี้มีเงิน 600ล้านบาทจาก กสทช.และก็400ล้านบาทจาก3บริษัทเอกชนสนับสนุนเพิ่มเติมให้เป็นต้นว่า บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน), บริษัทไทยเบฟเวอเรจจํากัด (มหาชน),บริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) ส่วนอีก 2 บริษัท

เป็นต้นว่า บริษัทเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์กรุ้ปจํากัด(มหาชน)และก็บริษัทปตท.สำรวจผลิตปิโตรเลียมจำกัด(มหาชน) (ปตท.สผ.) นั้นทางกกท.ส่งหนังสือขอรับการผลักดันและสนับสนุนเข้าไป เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา แต่ว่าติดวันเสาร์ และก็อาทิตย์ จึงยังไม่มีการตอบกลับมา ในเวลานี้ ถ้ารวมเงินจาก กสทช. 600 ล้านบาท และก็เอกชน ที่คาดว่าจะสนับสนุน โดยประมาณ 400 ล้านบาท กกท. จะมีเงินอยู่โดยประมาณ 1,000 ล้านบาท

ซึ่งในส่วนของท่วงท่าของฟีฟ่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา คือไม่ยอมลดให้เหลือ30ล้านเหรียญสหรัฐหรือโดยประมาณ 1,140ล้านบาทโดยบอกมาว่า ถ้าเราจะซื้อในราคาที่ถูกกว่า 38ล้านเหรียญสหรัฐหรือโดยประมาณ 1,444 ล้านบาทเราต้องซื้อเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในตอนนี้ฟีฟ่า ยืนกรานว่า ไม่ยอมขายแพ็กเกจย่อย คือ ซื้อสิทธิ์ตั้งแต่รอบ 2 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายให้ไทย บังคับให้ซื้อฟูลแพ็กเกจ 64 แมตช์แค่นั้น แต่ว่ากกท.ก็ได้แสดงความอยากได้ ขอลดเข้าไปอีก

ซึ่งถึงเวลานี้ ฟีฟ่า ยังนิ่งไม่มีการตอบอีเมลกลับมาแต่อย่างใด อาจจะจำต้องรอดูในวันที่ 14 พฤศจิกายนอีกที รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในส่วนของขั้นตอนที่ฟีฟ่า ระบุและก็ขีดเส้นตายเอาไว้ ถ้าเลือกที่จะซื้อลิขสิทธิ์ ด้านในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ไทยเราจำต้องปิดดีลกับฟีฟ่าให้สำเร็จว่า จะซื้อในราคามากแค่ไหน แล้วต่อจากนั้นวันที่ 19 พฤศจิกายน ก่อนเตะนัดแรกฟุตบอลโลก 2022 ไทยควรต้องโอนเงินทั้งหมดไปให้ฟีฟ่า พร้อมภาษี 15 เปอร์เซ็นต์ ให้เรียบร้อยแล้ว